เนปาลเมืองหลังคาโลก.. ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย มีพรมแดนติดกับประเทศจีนและอินเดีย
มีกรุงกาฐมาณฑุเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดของประเทศ เป็นประเทศหนึ่งที่ดึงดูดนักพิชิตเขาให้มารวมกันจากทั่วโลก มีวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์มาก เพราะทำเลที่ตั้งของประเทศ ทำให้ได้รับอิทธิพลทั้งจากจีนและทางอินเดีย จึงผสมผสานกันอย่างลงตัวประเทศหนึ่ง ในทางตอนใต้ของประเทศยังคงมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก
รู้หรือไม่ 8ใน10ของภูเขาที่สูงที่สุดในโลกตั้งอยู่ที่เนปาล และจุดที่สูงที่สุดในโลกอยู่ที่นี่เช่นกัน นั่นก็คือยอดเขาเอเวอร์เรสต์
การเดินทางไปเยือนเนปาล ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับสถานที่ๆจะเดินทางไปค่ะ ซึ่งในแต่ละพื้นที่สภาพอากาศค่อนข้างมีความแตกต่างกัน หากมาเพื่อเดินป่าขึ้นเขานั้นควรมาในช่วง ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูใบไม้ผลิ หรือที่เรียกว่าช่วง พีค แต่หากอยากหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวหนาแน่นและเน้นราคาถูกก็สามารถมาในช่วงมรสุมหรือที่เรียกว่า Monsoon ได้เช่นกัน แต่อาจจะต้องแลกกับความเปียกปอน ท้องฟ้าไม่ใส ซึ่งหากไม่ได้แพลนจะขึ้นเขาก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาเลยในเรื่องนี้
แต่ถ้าชอบความหนาวจับใจก็สามารถมาในช่วงหน้าหนาวได้เลยรับรองว่าฟ้าใสปิ๊งแน่นอน
ลองมาดูกันว่าแต่ละฤดูคือช่วงเดือนไหน ควรไปเที่ยวตรงไหน
ฤดูใบไม้ผลิอยู่ในช่วงเดือน กันยายน – พฤศจิกายนเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือนเนปาลโดยเฉพาะเดือนตุลาคมนั้นจะเป็นช่วงที่อากาศดีท้องฟ้าใสเป็นพิเศษเหมาะแก่การไปขึ่นเขาและจะเป็นช่วงเวลาที่นักเดินป่าปีนเขาจะมารวมตัวกันเยอะที่สุดเพราะแม้แต่ในเวลากลางวันก็ไม่ร้อน
**ช่วงเวลาหลังฤดูมรสุมคือเดือนกันยายน ไปจนถึงต้นตุลาคม สามารถมีฝนและพายุเกิดขึ้นได้ในบางวัน จากความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ
ฤดูหนาวของเนปาลนั้นอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
นับว่าเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุดในการมาเยือนเนปาลอีกช่วงเวลาโดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวไปตามอุทยานแห่งชาติต่างๆเพื่อไปชมชีวิตสัตว์ ธรรมชาติ เช่น Chitwan National Park นักท่องเที่ยวสามารถไปส่องสัตว์หายากต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสือเบงกอล ช้าง แรด หรือแม้แต่นักอีกนับหลายร้อยสายพันธุ์
ฤดูใบไม้ผลิของเนปาลเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
เป็นช่วงเวลายอดฮิตอีกช่วงที่หิมะเริ่มละลายเหมาะแก่การเริ่มต้นเส้นทางเดินขึ้นเขาต่างๆของเนปาลอีกครั้ง ด้วยสภาพอากาศกำลังดีมากในช่วงเวลานี้นักท่องเที่ยวจะเริ่มเยอะโดยเฉพาะการเดินทางไปตามพื้นที่สูง ภูเขาต่างๆแต่จะไม่หนาแน่นเท่าช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายปี
ในช่วงเดือนเมษายน
จะเป็นช่วงเวลาพีคของนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายต้องการเดินทางไปยังเอเวอร์เรสต์เบสแคมป์ (Everest Base Camp)
หรือเทือกเขาอันนาปุรณะ (Annapurna) เพราะนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในรูทนี้ หรือแม้แต่จะเป็นการเดินเขาระยะสั้นเช่นไปที่ Ghorepani และ Poon Hill หรือ Mardi Himal
ฤดูร้อนเป็นช่วงมรสุมของประเทศเนปาล เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน – สิงหาคม
อากาศจะร้อนและชื้น..และจะมีฝนตกชุกทั้งประเทศแต่จะเป็นช่วงเวลาที่นาข้าวจะเขียวขจี ป่าต่างๆจะสมบูรณ์มากและจะหาชมดอกไม้ป่าบานได้ในช่วงนี้.
**เป็นช่วงโลว์ซีซั่นจึงเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความวุ่นวายของนักท่องเที่ยวและชอบราคาถูก**
ในช่วงการเริ่มต้นของฤดูร้อน.. เหมาะแก่การเดินชมมรดกโลก เมืองโบราณในกาฐมาณฑุ แวะจิบชาตามคาเฟ่ต่างๆให้ได้ฟีลในอีกบรรยากาศ ถึงแม้จะมีฝนตกบ่อย แต่จะเป็นการตกสั้นๆไม่กินเวลานาน สามารถรอฝนหยุดและเที่ยวต่อได้สบายๆ
อีกที่ๆเหมาะแก่การไปชมในช่วงเวลานี้ก็คืออุทยานแห่งชาติ Shey Poksundo (She-Phoksundo) National Park เพราะเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนปาล เป็นบ้านหลังใหญ่ของสัตว์และพืชพันธุ์หายากนานาๆชนิด หากมีโอกาสก็อาจจะได้ชมสัตว์หายากของเนปาลที่ใกล้สูญพันธุ์ เช่นหมีดำหิมาลายัน , เสือดาวหิมะ
ส่วนการเดินป่าขึ้นเขาในช่วงเวลานี้จะทำให้เดินยากเปียกแฉะและพื้นจะลื่นมากไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
แต่ก็สามารถทำได้ในบางเทือกเขา เช่น Mustang ทางตอนเหนือของเขตอันนาปุรณะ
ที่พัก – ที่พักราคาไม่แพง มีตั้งแต่ 300บาทขึ้นไปจนถึงหลักพัน ที่พักถือว่าดีบ้าง กลางๆบ้างแล้วแต่ที่
สามารถจองที่พักได้ตามแอปพลิเคชั่นต่างๆเช่น Agoda ได้เลยแต่แนะนำให้ซื้อทริปจากบริษัททัวร์ จะมีบริการที่พักรวมไปในนั้นด้วย
อาหาร – คนที่นี่ทานอาหารพื้นเมืองของเขาเป็นอาหารหลักหาได้แทบทุกที่ของเนปาลคือ
Dal Bhat – เป็นข้าว เสิร์ฟพร้อมกับซุปถั่วLentilและผัก จานจะใหญ่มาก วิธีทานก็คือเอาทุกอย่างมาคลุกผสมกัน
แล้วทาน เป็นอาหารหลักของคนที่นี่ก็ว่าได้ และที่สำคัญมีราคาที่ถูกมาก จะมีความคล้ายอาหารอินเดียมาก
Momo – ลักษณะคล้ายๆขนมจีบและเกี๊ยว ข้างในมีไส้หลายแบบตั้งแต่ผักไปจนถึงเนื้อYak มีหลายราคาแล้วแต่
ร้าน
– ส่วนในเมืองใหญ่จะมีร้านอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารธิเบต สามารถเลือกลองได้เลย
– ส่วนอาหารที่อยู่ตามทางบนเขามีหลายเมนู ตั้งแต่มักกะโรนี สปาเก็ตตี้ พิซซ่า ขนมปัง ไข่ต้ม ไข่เจียว ข้าวผัด ดาบัด และเมนูแทบจะเหมือนกันในทุกๆร้านตลอดเส้นทางเดินป่า เดินสิบวันก็จะมีเมนูเท่านี้แหละ เลือกได้เลย ใครต้องไปหลายวันแล้วกลัวจะเบื่ออาหาร ควรพกซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำพริก มาม่าไปด้วย รสชาติอาหารที่นี่จะค่อนข้างจืด
**** ที่นี่ไม่มีเนื้อวัว และไม่ควรถามถึงเนื้อวัว เพราะว่าวัวเป็นสัตว์ศักสิทธิ์ของที่นี่ค่ะ****
การเดินทาง – การเดินทางมีตั้งแต่สายการบินภายในประเทศ และเส้นทางการบินที่อันตรายที่สุดโลกก็อยู่ที่นี่ด้วย
มีรถบัสประจำทางในการเดินทางระหว่างเมือง **จะง่ายขึ้นถ้าหากบอกให้โรงแรมช่วยจองรถบัสให้เราค่ะ**
มีแท็กซี่โดยสารสำหรับการเดินทางในเมือง ส่วนใครซื้อทริปไว้ก็จะสะดวกขึ้นไปอีกเพราะส่วนมากจะมีไกด์พร้อมรถพาเที่ยวทั่วเมืองเลย
เส้นทางบินตรงจากไทยไปถึงเนปาลเลยก็มีค่ะแต่จะไม่มีบินตรงจากยุโรป
ค่าเงิน – ใช้ Nepali Rupee แลกเป็นดอลลาห์ไปก่อนและทะยอยแลกตามจุดแลกเงินในเมืองได้สบายๆ
วีซ่า – สำหรับคนไทยต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศเนปาล สามารถขอวีซ่าล่วงหน้าได้ที่สถานทูตเนปาล https://th.nepalembassy.gov.np/visa-information-thai/
– วีซ่าท่องเที่ยวประเภท Multiple Entry 15 วัน 1000 บาท / ท่าน
– วีซ่าท่องเที่ยวประเภท Multiple Entry 30 วัน 1,650 บาท / ท่าน
และหากไม่มีเวลาสามารถขอ Visa on arrival ได้ที่สนามบินเมื่อถึงประเทศเนปาล แต่แนะนำให้ขอไปก่อนเพราะว่าการขอ visa on arrival จะทำให้เสียเวลามากๆเพราะคนค่อนข้างเยอะและแถวยาว
ซิมการ์ด – Accusata vulputate pri an, mel no vivendo deleniti, aliquid probatus elaboraret ut quo.
ผู้คน – Accusata vulputate pri an, mel no vivendo deleniti, aliquid probatus elaboraret ut quo.
เตรียมเงินไปเท่าไหร่ถึงจะพอ? – หากซื้อทริปก็จ่ายตามราคาทริปแล้วแต่สถานที่ๆไป ให้เตรียมเงินเผื่อไปสำหรับซื้อของฝากและอาหารในวันที่ฟรีสไตล์ ตัวอย่างเช่น ทริป Annapurna 15วัน ราคาประมาณ14K แต่หากไป everest base camp ก็ 50K ขึ้นไป
เหตุผลที่ควรจะไปเนปาลสักครั้งในชีวิตไม่มีอะไรมากเลยค่ะ นอกจากเนปาลเป็นประเทศที่สวย มีเอกลักษณ์การผสมผสานของวัฒนธรรมแบบลงตัว มีความพิเศษไม่ว่าจะเป็นนิสัยของชาวเนปาล อาหาร และสถานที่ตั้ง ที่อาจจะหาประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้จากที่ไหนอีกนอกจากที่นี่ และจุดเด่นสำคัญที่สุดนั่นก็คือภูเขา และเส้นทางการเดินเขานั่นเอง
ขอบอกว่าพิเศษจริงๆ แต่ละเส้นทางนั้นให้ความรู้สึกและประสบการณ์พิเศษที่สามารถจดจำไปได้ทั้งชีวิต เพราะเขาต่างๆที่มีอยู่ที่เนปาลนั้น มีถึง8ใน10 เขาที่สูงที่สุดในโลก! ควรค่าแก่การมามากๆค่ะ
บางปู..ไม่ใช่อะไรแต่เป็นตำบล บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี บางปูเป็นชุมชนเก่าแก่..ณ อ่าวปัตตานี ที่ได้ชื่อบางปูเพราะว่าในสมัยก่อนค่ะ ที่นี่ปูดำเยอะมากกกกกก ชาวบ้านจึงมีอาชีพประมงจับปูขาย ที่มีปูเยอะเพราะมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์มากๆนั่นเองซึ่งตอนนี้ เปิดให้นักท่องเที่ยวหรือคนที่สนใจมานั่งเรือชิลๆ เนิบๆ ผ่านอุโมงค์โกงกาง
ที่แห่งนี้มีชื่อว่า "เขาสก" ซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี หากนึกถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี เราคงนึกถึงอะไรไปไม่ได้นอกจากทะเล! โดยเฉพาะเกาะพงัน ที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นจุดมุ่งหมายของสายปาร์ตี้! แต่วันนี้เราจะไม่ไปทะเลค่ะ เราจะไปเข้าป่า!!
3วัน2คืน คนละ2000! 4คน… คุ้มมาก เป็น Road trip กับแก๊งเพื่อนโดยแท้ทรูค่ะโซเนียไม่ได้วางแผนมาก่อน เพื่อนบอกว่าไปเบตงกัน กำลังไปรับนะ! มีเวลาเก็บของแค่สองชั่วโมง! ยกให้ทริปนี้… เน้นถ่ายรูปหนักๆรัวๆแวะถ่ายรูปกระจาย รูปเป็นพัน
21/09/2018