เบตง Road trip 3วัน2คืน
Betong ขับเรื่อยๆเมื่อยก็แวะถ่ายรูป
3วัน2คืน คนละ2000! 4คน… คุ้มมาก

ที่แรกที่จอดแวะหลังจากนั่งรถมาตั้งนาน
ที่นี่คือสะพานข้ามเขื่อนบางลาง แม่หวาดจ้า
เป็นสะพานที่ใหญ่มาก.. และวิวสวยมากจริงๆ
แนะนำให้ไปถึงเย็นๆ จะถ่ายสวย
Location :: สะพานข้ามเขื่อนบางลาง อยู่ก่อนเข้าเมืองเบตง

มุมก็จะได้ประมาณนี้ ไปกับเพื่อนผลัดกันถ่ายสนุกดีค่ะ
เข้ามาถึงเมืองเบตงก็ค่ำมืดพอดี..เข้าเช็กอินโรงแรม
แล้วไปแวะทานอาหารเย็นที่ “ร้านต้าเหยิน”นะคะ
อยู่ใกล้ๆอุโมงค์นี้นี่แหละ.. ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมา
เพราะว่าหิวจนลืม555

อุโมงค์นี้อยู่ไม่ไกลเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขา
แห่งแรกของเมืองไทยค่ะ
หลังจากเดินเล่น ถ่ายรูปคู่กับอุโมงค์และแสงไฟในอุโมงค์
เสร็จแล้วเราก็มานั่งกันต่อที่ร้านนี้เลยค่ะ

ชื่อร้านก็บอกว่าอุโมงค์ อยู่ทางเข้าอุโมงค์เลย หาไม่ยาก
มีดนตรีสด.. มีอาหาร มีเบียร์เย็นๆให้ชิลได้ยามค่ำคืน
จะพบว่าคนชอบมานั่งเล่นฟังเพลงที่นี่เยอะอยู่
Day 2

เริ่มวันใหม่ด้วย ข้าวมันไก่ชื่อดัง ไปไม่ถูก.. เสิร์จดูเลยค่ะ
อร่อยมากจริงๆ เจ้าของร้านใจดีด้วย บริการดีมาก
อันที่จริงก็มีหลายร้าน แต่ที่สืบมาร้านนี้เด็ดสุด คนจะเยอะๆหน่อย
Location :: เจริญ ข้าวมันไก่

เนื่องจากตื่นสายเลยรีบทานค่ะ เพราะต้องไปต่ออีกยาวเลย
และที่ต่อไปของเราก็คือที่นี่…
สนามนี้เป็นสนามกีฬาประจำเมืองนี้
เป็นสนามกีฬากลางหุบเขา.. และอยู่สูงสุดในประเทศไทย
ที่นี่เค้าชอบทำอะไรที่ สุดๆ ของไทยเนอะ 555
ลองนับๆดูนะคะ ว่าอะไรที่มันที่สุดของไทยบ้าง
อยู่ที่นี่ซะเยอะเลย

ใกล้ๆกันจะมีพิพิธภัณฑ์ของเมืองเบตง จะมีสิ่งของโบราณที่คนมาบริจาคเอาไว้
ให้คนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม….

เนื่องจากเบตงเองก็เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อยู่มากพอสมควรค่ะ
กว่าจะมาเป็นเมืองเบตงได้.. ข้างในจึงมีข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆตั้งแต่สมัยก่อน
น่าสนใจมากๆค่ะ ได้เห็นของโบราณหลายๆอย่าง ที่ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้เห็น

บรรยากาศภายใน

มุมจากบนยอดสุดของที่นี่ค่ะ
เบตงนั้นเป็นเมืองที่ส่วนมากเป็นคนจีนอพยพมาในสมัยก่อน ตั้งแต่ยุคสงคราม
จึงไม่แปลกที่ข้าวของเครื่องใช้ในพิพิธภัณฑ์นี้จึงมีความคล้ายวัฒนธรรมจีน
ข้าวของเครื่องใช้ที่เห็นนั้นจึงเป็นตัวบ่งบอก วิถีชีวิตของคนที่นี่จริงๆ

ภาพแผนที่ ที่ติดอยู่ในโถงบันไดของอาคาร

วิวเมืองเบตง.. ที่ถ่ายจากหอคอยของพิพิธภัณฑ์นี้

กลับลงมาเราผ่าน Street Art พอดี อยู่หลังอุโมงค์นั่นแหละค่ะ
ก็เลยแวะถ่ายรูปสักหน่อย ร้อนมากแต่เพื่อรูป ยอม… ทุกคน
สถานที่ต่อไป.. ก็คือชุมชนบ้านกาแป๊ะกอตอ
เป็นหมู่บ้านที่อยู่ริมขอบกำแพงเมืองในสมัยก่อน
กาแป๊ะเป็นชื่อต้นไม้ค่ะ
กอตอแปลว่าขอบกำแพง ถ้าจำไม่ผิดนะคะ
เป็นอีกแห่งที่มีประวัติศาสตร์อยู่เช่นกัน


ข้างในหมู่บ้านจะเป็นชุมชนบ้านแบบดั้งเดิมเลยค่ะ
ลักษณะบ้านเป็นแบบนี้ซะส่วนใหญ่
แล้วแทบทุกบ้านก็จะมีการเลี้ยงสัตว์ด้วย น่ารักดีค่ะ
โดยเฉพาะเป็ดเชื่องมาก..

แท่นนี้มีตำนานนะคะ ว่ากันว่าอดีตนั้นเคยเป็นหลักประหารในสมัยก่อน


ผู้คนในชุมชนใจดีมากๆ เป็นกันเองสุดๆ
โซเนียไปขอจักรยานน้องๆมาปั่นเล่น
ดูได้จากรอยยิ้มของทุกคนที่นี่… จริงใจสุดๆ!!
ต้อนรับผู้มาเยือนมากๆเลิฟมากกกกก ไปอีกแน่นอน

กาแฟที่นี่เป็นผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านที่นี่ค่ะ
คั่วเอง ทำเองทุกอย่าง รสชาติอร่อยค่ะ
ร้อนๆแวะมาที่นี่นอกจากได้เดินเล่น
ดูวิถีชีวิตชาวบ้านแล้วจิบกาแฟเย็นๆก็ดีงามเลยค่ะ
แต่ถ้าใครจะไป ก็แนะนำให้โทรเข้าไปก่อนค่า จะได้มีคนมาคอยรอรับเนอะ

สถานีต่อไปก็คือวัดพุทธาธิวาส เบตง
ที่นี่เป็นวัดบนเขา วิวดีมากที่สำคัญคือ…
มีพระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพิธาน
เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

วิวจากบนวัดค่ะ พอหันหลังมองออกมา เห็นเมืองด้วยละ
เย็นๆอากาศดีมากๆ ไม่ร้อนลมพัดสบายๆ


ออกจากวัดก็เริ่มเย็นพอดี
เรามาต่อกันที่ Street art ใกล้ๆวงเวียนหอนาฬิกา
ลองถามคนแถวนั้นดูนะคะ หาไม่ยากค่ะ
เมืองนี้ street art เยอะมากหลายจุดหลายมุม
ถูกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆทั่วเมืองเลย

บรรยากาศยามเย็น ตอนนี้ไม่มีนกเกาะเลยสักตัว
แต่เดี๋ยวอีกสักพักฝูงนกนางแอ่นนับหลายพันตัว
จะมาเกาะเต็มสายไฟทุกเส้นบริเวณนี้เลยค่ะ
พวกเค้าเป็นนกตามธรรมชาติ มาเอง
หอนาฬิกา จุดแลนด์มาร์คจุดหนึ่งของเบตง

รอจังหวะรถว่าง.. รีบวิ่งออกมาถ่ายคู่กับหอนาฬิกา

รูปบนคือแป๊ะคอยาว.. ที่มีตำนานเล่าขานว่า
ขายมานานมากกกกกกกกกกกกกกก… คนเบตงจะรู้ดี
ร้านของแปะจะมีขนมจุกจิก..ขนมโบราณ
ผลไม้ดอง ผลไม้สด ใส่ถุงพร้อมพริกเกลือ
มะยงมะยมมะม่วงมีหมดจ้า..
ไปอุดหนุนอาแปะได้ข้อสำคัญแปะไม่ชอบถ่ายรูป
ถ้าจะถ่ายต้องเนียนๆเข้าไปซื้อของนะจ๊ะแล้วค่อยถ่าย
ส่วนภาพล่างก็เป็นขนมที่ขายอยู่บริเวณนั้น
มีโรตีและขนมไม่รูป น่าจะเป็นขนมของคนแถวนี้แหละ
อาจจะหาทานไม่ได้ที่อื่นค่ะ
จบจากที่นี่เราก็ไปเข้าที่พักกันจ้า
Day3
เมื่อคืนเรานอนกันที่คูลแค้มปิ้ง
เป็นเต๊นหลังใหญ่ๆ ข้างในสะดวกสบาย ราคาไม่แพง
เสียดายที่ไม่ทันถ่ายรูปเนื่องจากไปถึงดึกมากแล้ว
แล้วตอนเช้าก็ต้องรีบออกตั้งแต่เช้ามืด
ก่อนพระอาทิตย์จะมา….. ที่พักที่นี่คือหมอกลอยตั้งแต่หน้าห้องเลย
สวยเอาเรื่อง

มาถึงจุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงแล้ว
มีสองสิ่งให้เลือกคือ เดิน กับนั่งวินมอไซต์
เราเรื่องนั่งมอไซต์เพราะว่าอยากอุดหนุนชาวบ้านที่นี่
เป็นการกระจายรายได้เข้าชุมชน…คนขับก็เป็นคนที่นี่เลยค่ะ
เป็นอาชีพกันไป ค่าบริการก็ 15 บาทเท่านั้นเอง
ปล.ทางจะเป็นฝุ่นๆหน่อย หาผ้าปิดไปด้วย
นั่งแค่แป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ

ทะเลหมอกจะว้าวมากๆหน่อยใครจะไปเชื่อเนอะ
ว่าภาคใต้ก็มีสวยไม่แพ้ภาคเหนือเลย ลองมาเที่ยวดูนะคะ



มันจะมีสองจุด นี่คือจุดที่สองจะอยู่ต่ำกว่าจุดแรก
พอเราไปจุดแรกเสร็จก็กลับมาที่จุดนี้ค่ะก็จะมีป้ายด้วย
จุดนี้จะมีบริการอาหาร เครื่องดื่ม คล้ายๆภาคเหนือแหละ
มีไข่ลวก ข้าวต้มโจ๊ก อะไรประมาณนี้

จุดนี้อยู่จุดที่สอง แต่ต้องเดินขึ้นมาสักนิดนึงค่ะ
จะอยู่ด้านบน ทางขึ้นอยู่หลังจุดขายอาหาร เดินนิดเดียวถึงค่ะ


เราไม่ได้ทานอาหารที่จุดนั้นเนื่องจากว่าต้องเก็บท้องมาทานที่นี่
ซึ่งอาหารที่เราตั้งใจมาทานมากๆเลย
ก็คือนาซิกาบู.. หรือข้าวยำนั่นเอง
ซึ่งในภาพก็คือแบจูกับคุณแม่ผู้นำเราเที่ยวนั่นเอง
นอกจากข้าวยำแล้วก็มีไก่ฆอและอาหารสามจังหวัด
แล้วที่ว้าวมาก็คือข้าวเหนียวปลาเค็มที่ต้องทานกับมะพร้าวขูด
ซึ่งเข้ากันเฉยเลยอะ อร่อยมาก

จากร้าน เดินย้อนมานิดนึง ร้อยสองร้อยเมตร จะเป็นทางเข้าเล็กๆ
ที่นี่ก็คือสะพานแขวนแตปูซู ซึ่งเอาตรงๆนะคะ ชอบมาก
มันถ่ายรูปสวยมากๆเลยค่ะ
ที่นี่จะมีเทศกาลผลไม้ด้วย
ถ้ามาให้ตรงช่วงก็จะจัดกันที่นี่เลย ผลไม้เต็มสะพาน

ที่ต่อมาก็คือ เราจะไปทานก๋วยจั๊บแช่ขาค่ะ
เลยจากร้านข้าวเมื่อกี้มาประมาณกิโลนึงได้
จะมีป้ายใหญ่ๆ แต่ถ้ามาไม่ถูกเสิร์จเลยก็ได้ค่ะ
ก่อนแวะร้านนั้น ขับเลยมานิดนึงจะมีจุดให้จอดค่ะ
เป็นแบบนี้.. มาถ่ายรูปได้ นั่งแช่น้ำเย็นๆ
ธรรมชาติมากๆ….แล้วก็จะมีคนล่องแก่งผ่านมาเรื่อยๆ

แต่ครั้งนี้ไม่อดจ้า…ชิลมาก เห็นว่าบางครั้งโต๊ะก็ลอยไปกับน้ำ55
แต่ครั้งนี้ดูมั่นคงค่ะ




เข้ามาไม่ไกลมาก สวยดีค่ะเรานั่งชิล นอนชิลกันที่นี่ซื้อขนมมาทาน
นอนฟังเสียงน้ำตก หลับสักงีบ บ่ายกว่าๆ เราก็เดินทางกลับพอดีค่ะ
เป็นอันจบทริปเบตง ที่คิดว่าเที่ยวแน่นมากๆก็ขอแนะนำนะคะ
ใครไม่เคยมา มาเที่ยวดูเนอะ ภาคใต้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยค่ะ
ขอปิดรีวิวเพียงเท่านี้ โซเนียหวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ
จริงๆมีอีกหลายที่เลยค่ะที่ควรไป
แต่พอดีพวกเราได้มีโอกาสไปกันหมดแล้ว
จึงตัดสินใจไม่ไป.. ไว้จะมาทำเป็นภาค 2 นะคะ